Thaigraph

 

   

ค้นหา
Thaigraph หน้าฟอรั่ม Opencart [OPC] 6. วิธีเพิ่มสินค้าลงขายห ...
ดู: 3340|ตอบ: 0
go

[OPC] 6. วิธีเพิ่มสินค้าลงขายหน้าเว็บ

Rank: 7Rank: 7Rank: 7

โพสต์เมื่อ 17-7-2015 22:26 |แสดงโพสต์ทั้งหมด
[OPC] 6. วิธีเพิ่มสินค้าลงขายหน้าเว็บ
1. เมื่อคุณล๊อกอินเข้ามาที่ระบบหลังร้านแล้ว ให้คลิกที่เมนู "สินค้า > สินค้า" ค่ะ
06_Add_Product_01.jpg


2. หลังจากเข้ามาที่หน้า "สินค้า" แล้วคุณจะพบว่ามีข้อมูลของสินค้าตัวอื่นๆ ลงไว้อยู่ก่อนแล้วซึ่งเป็นสินค้าที่ระบบของ Opencart ลงไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง  
- ให้คลิกที่ปุ่ม "เพิ่มรายการ" ที่อยู่มุมขวาบนค่ะ
06_Add_Product_02.jpg


3. ที่หน้า "ข้อมูลทั่วไป" จะเป็นส่วนที่ไว้แสดงรายละเอียดเพิ่มเติมของสินค้าที่หน้าเว็บ (หากระบบเว็บของคุณทำไว้เป็น 2 ภาษา คุณก็ต้องใส่ให้ครบทั้ง 2 ภาษานะคะ)
- ที่ช่องใส่ชื่อของสินค้า คุณควรให้คำที่สั้นกระชับ เพราะระบบตัดคำของคุณออกหากตั้งชื่อยาวเกินไป


- ที่ช่องว่างใหญ่ๆด้านล่างสุด จะเป็นส่วนที่ไว้ใส่รายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าของคุณ โดยคุณอาจจะลงภาพสินค้ามุมต่างๆเพิ่มเติม บอกลักษณะ คุณประโยชน์ การใช้งาน การเก็บรักษาดูแล นอกจากนี้คุณยังสามารถแทรกโค๊ดภาษา Html หรือแทรกคลิปวีดีโอประกอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าของคุณได้อีกด้วยค่ะ
(ดูภาพตัวอย่างด้านล่าง)  
06_Add_Product_03.jpg


4. เสร็จแล้วก็มาที่แถบเมนูชื่อ "Data" ตรงส่วนนี้จะเอาไว้กำหนดรายละเอียดสินค้าของคุณเช่น รหัสสินค้า ขนาดกว้าง*ยาว*สูง น้ำหนัก ราคา จำนวนสต๊อกที่ไม่อยู่ในร้าน รวมทั้งกำหนดภาพสินค้าที่จะให้โชว์เป็นหน้าแรก
(ดูภาพตัวอย่างด้านล่าง)  


จุดที่ต้องให้สำหรับหน้า "Data" จะมีอยู่ 3 จุดด้วยกัน คือ
1. รหัสสินค้า สำหรับการขายสินค้าออนไลน์บนเว็บ รหัสของสินค้าถือเป็นส่วนสำคัญ เพราะมันทำหน้าที่ไม่ต่างอะไรกับรหัสบาร์โค๊ดของสินค้าที่วางขายในห้าง เพราะฉะนั้น สินค้าทุกชิ้นที่วางขายในเว็บของคุณจะต้องมีรหัสที่ไม่ซ้ำกัน ประโยชน์ของมันคือ เพื่อไม่ให้เกิดการผิดพลาดเวลาที่ลูกค้าสั่งสินค้า ส่งสินค้า หรือขอคืนสินค้า การตัดสต๊อกสินค้า และนั่นรวมไปถึงการลงบันทึกรายงานบัญชีรายรับ - รายจ่ายแต่ละเดือนของระบบด้วย


เพราะระบบจะใช้รหัสของสินค้าเป็นตัวเข้าถึงสินค้าของคุณ (ชื่อสินค้าคุณอาจจะตั้งซ้ำกันได้ แต่รหัสสินค้าจะต้องไม่ซ้ำกัน)


2. ภาพสินค้า จริงอยู่ที่คุณอาจจะใส่หรือไม่ใส่ภาพสินค้าก็ได้ แต่พฤติกรรมของผู้ซื้อส่วนใหญ่มักจะชอบกดดูภาพสินค้าโดยทันที หากภาพนั้นสวย นำเสนอได้น่าสนใจ โดยผู้ซื้อจะไม่สนว่ามันเป็นสินค้าที่เขากำลังต้องการหาซื้ออยู่หรือไม่


3. ราคา การตั้งราคาเหมือนจะง่าย แต่ความจริงแล้วไม่ง่ายเลย ก่อนกำหนดราคาขายสินค้า คุณควรศึกษาจากเว็บของผู้ขายคนอื่นๆดูก่อนว่า เขาตั้งราคารขายกันที่เท่าไหร่ ข้าพเจ้าไม่ขอแนะนำให้คุณขายตัดราคาผู้ค้าคนอื่นๆ เพราะนั่นจะเป็นการแสดงความเห็นแก่ตัวผู้ค้าร่วมอาชีพเดียวกัน และยังเป็นการ "ฆ่าตัวตายทางอ้อม" นั่นเพราะหากคุณขายสินค้าให้ถูกลงเพื่อหวังให้ขายออกได้เร็วๆ สิ่งที่จะเป็นปัญหาตามมาคือ "คุณจะได้กำไรน้อยลง" ในขณะที่ค่าใช้จ่ายคุณไม่ได้ลดลงเลย สิ่งที่ผู้ค้าอนนไลน์ต้องยอมรับว่าควบคุมได้ยากนั่นเอง "ค่าขนส่ง" หากคิดค่าส่งถูกเกินไป นั่นหมายความว่าคุณจะต้องหักส่วนของกำไรมาอุดค่าส่ง อย่าลืมว่าเวลาคุณออกไปส่งสินค้า คุณต้องนั่งรถ ไม่ก็ต้องขับรถไปเอง นั่นคือค่าใช้จ่ายแฝงที่ผู้ค้าที่ไม่รอบคอบมองข้าม


ผู้ค้าบางคนคิดค่าส่ง 30 บาท แต่ค่าส่งที่ไปรษณีย์จริงๆแบบลงทะเบียน+ค่ากล่องอาจจะประมาณ 30 -60 บาท และอย่าลืมว่าค่าน้ำมันรถที่คุณต้องขับออกไปส่ง ทั้งขาไปและขาขับกลับล่ะ มันเท่าไหร่แล้ว? คุณได้บวกเพิ่มไปด้วยกับค่าส่งหรือยัง?


สมมุติถ้าสินค้าชิ้นนั้นขายแล้วได้กำไร 50 บาท เมื่อนำมาคำนวณหักค่าใช้จ่ายกันจริงๆแล้ว การออกไปส่งสินค้าครั้งนี้คุณอาจจะได้รับเงินจริงๆเพียง 10 บาท แลกกับการหมดเวลาไปครึ่งวันต่อแถวเข้าคิวส่งของ มันจะคุ้มกันหรือไม่?  


คำแนะนำเดียวที่ให้ได้คือ อย่าลดราคาสินค้าลง แต่ให้เพิ่มคณภาพของร้านคุณให้มากขึ้น โดยคุณอาจจะนำเสนอด้านอื่นที่น่าสนใจ เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกร้านของคุณเช่น มีโปรโมชั่นแถมของเล็กๆน้อยๆ ให้ความเอาใจใส่ดี คอยติดตามสินค้าให้จนกว่าจะถึงมือลูกค้า เมื่อคาดว่าสินค้าน่าจะไปถึงมือลูกค้าแล้ว ก็โทรไปถามว่าสินค้าได้รับแล้วหรือยัง บลาๆๆๆๆ สนใจตัวอื่นอีกไหม หรือคุณอาจจะสอนการใช้งานเบื้องต้นให้ด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าเราเอาใส่ใจเขาดี เราจริงใจและทุ่มเทกับเขา สิ่งพวกนี้ทำไปเถอะค่ะ มันจะเป็นเหมือนกระจกสะท้อนกลับมาหาคุณทั้งหมด เมื่อลูกค้าประทับใจแล้วต่อไป เขาก็อาจจะกลับมาเป็นลูกค้าของคุณอีก หรืออาจจะช่วยแนะนำคนอื่นๆให้มาซื้อของที่ร้านคุณในภายหน้า



06_Add_Product_04.jpg


4. หลังจามพล่ามมานาน ต่อไปก็มาที่หน้าเมนู "Link" กันค่ะ ในส่วนของหน้านี้ก็ไม่มีอะไรมาก แต่ก็ไม่ใช้ว่าไม่สำคัญเลย จุดที่คุณต้องสนใจนั่นคือ "การกำหนดหมวดหมู่ของสินค้า" เพื่อให้ระบบนำหน้าสินค้าของคุณไปจัดวางโชว์ให้ตรงกับหมวดหมู่ของมัน


ส่วนที่สำคัญรองลงมา คือด้านล่างสุด ซึ่งเป็นจุดที่จะให้คุณเลือกว่ามีสินค้าใดในกลุ่มที่มีลักษณะคล้ายกันอีกบ้าง ทั้งนี้ก็เหมือนเป็นการเพิ่มตัวเลือกสินค้าให้กับลูกค้า

06_Add_Product_05.jpg

5.  แล้วก็มาต่อกันที่หน้าเมนู "รูปภาพ" หน้านี้มีความสำคัญตรงที่ไว้ให้ใส่ภาพมุมอื่นๆของสินค้า เช่น ด้านหน้า ด้านหลัง ด้านบน ด้านล่าง หรือการนำไปวางเทียบขนาดกับสิ่งของอื่นๆ เพื่อให้ลูกค้าพอจะกะขนาดจริงของสินค้าได้ว่ามีขนาดใหญ่แค่ไหน  

06_Add_Product_06.jpg


6. และที่ขาดไม่ได้เลยเมื่อคุณทำการเปลี่ยงแปลงค่าต่างๆในระบบเสร็จแล้ว ก็จำเป็นต้องคลิกที่ปุ่ม "บันทึก" เพื่อจบการทำงานทุกครั้ง หากคุณไม่คลิกที่ปุ่มนี้ ระบบก็จะทำเป็นเหมือนว่าสิ่งที่คุณเพียรทำตั้งแต่ต้นนั้น มันไม่มีอะไรมาตั้งแต่ต้น ถ้าไม่อยากต้องมานั่งแอดภาพสินค้าพิมพ์รายละเอียดใหม่ทั้งหมดก็อย่าลืมคลิกที่ปุ่ม "บันทึก"ด้วยนะคะ


06_Add_Product_07.jpg


เสร็จแล้วก็กลับไปดูผลลัพธ์ที่ได้ ที่หน้าเว็บร้านเรากันค่ะ

06_Add_Product_08.jpg


แล้วพบกันใหม่บทความหน้าค่ะ

เว็บไทยกราฟบริการติดตั้งโปรแกรมระบบร้านค้าออนไลน์ Opencart ราคาย่อมเยา โดยที่คุณเองก็สามารถเป็นเจ้าของร้านค้าออนไลน์ได้ สนใจติดต่อ thaigraph@gmail.com หรือโทร. 087-912-9995 (คุณธนา)


Thaigraph

GMT+7, 4-6-2023 16:57 , Processed in 0.091025 second(s), 21 queries .

Powered by Discuz! X1.5

© 2001-2010 Comsenz Inc. Thai Language by DiscuzThai! Team.

Top 10 Best Sellers in Clothing for 2017 Top 10 Best Sellers in Clothing Best Sellers in Clothing
Top 10 Best Sellers in Books reviewer 2017 Top 10 Best Sellers in Books Best Sellers in Books